11-13 ธ.ค. 68
บททดสอบครั้งสำคัญของ “ทีมสกัดโจทย์วิจัย”
คณะของเราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 11 ธ.ค. 68 เพราะระยะทางค่อนข้างไกล
และมีกำหนดการในการพบปะกับ “กลุ่ม” ที่เป็นคนรุ่นใหม่ของแพร่ “การสกัดโจทย์วิจัย”
เริ่มทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่ย่างเข้ามายังเมืองแพร่
จากนั้นก็เริ่มต้น ”เข้าชุมชน“ ดูผ้าด้นมือ ของกลุ่มชาวบ้าน ที่ใช้เศษผ้าสีอันเล็ก ๆ มาเย็บประกอบกันเป็นผ้านวม
ผ้าคลุมเตียงผืนใหญ่ และปลอกหมอน ด้วยความประณีต เป็นลวดลายตามที่ลูกค้าสั่งทำ
จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า ได้รับการส่งเสริมจากมิชชันนารี
ที่มาเผยแพร่ศาสนา ที่อยากส่งเสริมให้แม่บ้านมีอาชีพเสริมหลังจากการทำนา
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาของชุมชนที่รอการวิจัยเจาะลึกด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็เดินทางต่อไปดูการทำเมี่ยง จากใบชาอัสสัม โดยการหมัก เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน
มีกระบวนการที่ต้องเก็บใบชาจากภูเขาสูงที่คนรุ่นก่อนปลูกไว้ มาหมักใส่ชะลอมไม้ไผ่ รสชาติหวาน ฝาด
ไว้เป็นของกินเล่นในแถบภาคเหนือ โจทย์วิจัยหลากหลายด้าน รอการค้นคว้าวิจัย
จากนั้นคณะก็เดินทางลัดเลาะไปตามถนนเล็ก ๆ ของชุมชนขึ้นสู่อ่างเก็บน้ำแม่สายที่เป็นต้นกำเนิดสายน้ำ
จากภูเขาสูงหล่อเลี้ยงเมืองแพร่ โจทย์วิจัยเกี่ยวกับปัญหาการจัดการน้ำเริ่ม ณ ที่นี่
ในวันรุ่งขึ้น….
เมื่อคณะของเรามาถึง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดแพร่ ในห้องประชุมที่มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างสวยงาม
ทราบว่า พี่ ๆ และน้อง ๆ เจ้าหน้าที่สาขาฯ ทุกท่านตั้งใจมากๆ กับกิจกรรมในครั้งนี้
เราได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำชุมชนกลุ่มต่าง ๆ ในนามของ ”ปราชญ์ชาวบ้าน“ ที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราว การทำงาน
ประวัติชีวิตส่วนตัว และความตั้งใจที่อยากจะทำให้กับจังหวัดแพร่ ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะ “แนวคิดก้าวหน้า”
และเราได้รับรู้ถึงพลังความเข้มแข็งของชุมชนเป็นอย่างมาก…. พลังแรงจนช่วงบ่ายกระแสไฟฟ้าตก 😅
ทำให้เราต้องออกมานั่งสนทนากันต่อด้านหน้าของอาคารสำนักงาน
ช่วงเช้านี้ โจทย์วิจัยหลากหลายปัญหาจากการนำเสนอของปราชญ์ชาวบ้าน
ทำให้คณะทำงานเปี่ยมด้วยพลังที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับคณาจารย์นักวิจัยที่ส่วนกลางดำเนินการวิจัยเพื่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
หลังจากนั้นช่วงบ่าย คณะขับเคลื่อนฯ ก็ได้เดินทางไปดูการทำหมวก “กุ๊บลอน” ที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ
ของเมืองแพร่ ขั้นตอนการย้อม “ม่อฮ่อม” บนเส้นใยฝ้ายซึ่งเป็นที่มาของเสื้อม่อฮ่อม
ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างของชุมชนแพร่ โจทย์วิจัยเกี่ยวกับการดำเนินงาน ยังรอการไขข้อปัญหา
และสุดท้ายของวันด้วยการพบผู้ประกอบการสุราชุมชนของเมืองแพร่ ที่ทำให้รับรู้ว่า
แพร่เป็นแหล่งแปรรูปข้าวให้อยู่ในรูปแบบของสุราพื้นบ้านเยอะมาก ๆ
โจทย์วิจัยในการนำผลไม้พื้นถิ่นของแพร่ มาแปรเปลี่ยนเป็นสุราพื้นบ้าน เป็นหัวข้อที่รอคณะผู้วิจัย
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ คณะของเราได้พบกับกลุ่มคนแพร่ที่รวมตัวกัน พยายามจัดทำ กาดวินเทจ
บนถนนเรียบกำแพงเมืองเก่า รับทราบเรื่องราวบางส่วนของ “ประวัติศาสตร์เมืองแพร่”
ทึ่รอการถ่ายทอดสู่สังคมในรูปแบบของการวิจัย
คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ได้พบกับ “สิ่งท้าทายใหม่” ในการทำงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก… ในการสกัดโจทย์วิจัย 😀
เราได้พบกับความเป็นตัวตนที่เข้มแข็งของกลุ่มที่มานำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ
ที่ดูเหมือนจะผ่านการทำงานในหลายเรื่องมาจนสำเร็จไปแล้ว…😀
แต่ในขณะเดียวกันคณะทำงานของเราก็รับสัมผัสได้ถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่ยังมีอยู่ภายใต้…
มีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกยกมานำเสนอ….มีอีกหลายอย่างที่คณะของเรา “เห็น” ด้วยมุมมองของ “คนนอก”
ในทุกค่ำคืนหลังจากกลางวันที่เราทำงาน คณะทำงานจะมาสรุปจนเวลาล่วงเลยเที่ยงคืน
เรียกว่าทำงานกันคุ้มค่ากับเวลาที่พวกเรามีอยู่ในแพร่ในครั้งนี้ 😀
ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่า จ. แพร่ สร้าง “ความท้าทายใหม่” ให้คณะของเราจริง ๆ
สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนคนละปัญหาเดียวกันในทุกพื้นที่ ๆ เรา ได้มีโอกาสรับรู้ คือ การกลับสู่ถิ่นฐานมาใช้ชีวิต
และพัฒนาบ้านเกิดของคนรุ่นใหม่ นั้นมีจำนวนน้อยลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งอาจมีผลร่วมมาจากหลาย ๆ ปัจจัย
เช่น ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การกระจายและการบริหารงานภาครัฐฯ ชุดความคิดและความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคมชุมชน
และอื่น ๆ อีกร้อยแปดพันประการ ฯลฯ
จะอย่างไรก็ตาม การมาเยือนแพร่ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหง “ของเรา”
นั้นเป็นความหวังหนึ่งของสังคมมาก (ถ้าไม่เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองเกิน 😀) ที่จะใช้เครื่องมือสำคัญนั่นคือ “การวิจัย”
ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสังคมท้องถิ่น จากจุดเล็ก ๆ ให้กลายเป็นภาพใหญ่ที่สวยงาม
รับทราบถึงความต้องการของชุมชนที่อยากมี “รามคำแหงของเรา” ในการคลี่คลายปัญหา
ร่วมพัฒนาชุมชนท้องถิ่น บนหลักการและความตั้งใจในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”
ขอขอบพระคุณ
– ท่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของพวกเราที่เป็นพลังใจ เป็นพลังศรัทธา
และเป็นพลังยึดเหนี่ยว ให้พวกเรายึดโยงซึ่งกันและกันในการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ขอขอบคุณ
– รองฯจักรีสำหรับการประสานงานกับทีมสกัดโจทย์วิจัยของเรา
– รองศาสตราจารย์ ดร. มณี แม่งาน หัวหน้าทีมสกัดโจทย์วิจัยและทีมสกัดโจทย์วิจัยทุกท่าน ที่ร่วมเดินทางตะลอน ๆ
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และร่วมปรึกษากันแบบข้ามวันข้ามคืน
– พี่เดฟ หัวหน้าสาขาฯ จ.แพร่ ผู้มีความรักต่อถิ่นฐานบ้านเกิดและรวมถึงเจ้าหน้าที่ของสาขาทุก ๆ ท่าน
– กลุ่มปราชญ์ชาวบ้านที่มีความเข้มแข็ง
– พี่เคน น้องเอ้ ในการอำนวยการทุกเรื่องของการเดินทาง รวมถึงน้องแต้วและน้องมอส (ผู้อยู่แนวหลัง)
และ นุ พนักงานขับรถของสภาคณาจารย์
– มหาวิทยาลัยรามคำแหง บ้านหลังใหญ่ภายใต้ชายคาที่อบอุ่นในการทำงานของพวกเราตลอดเวลา
โปรดติดตามตอนต่อไป…
พบกันที่ จ.ปราจีนบุรี ครับ.
ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀
#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

























































