ขอรายงานการเดินทางของคณะทำงานสกัดโจทย์วิจัย…. มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน จังหวัดปราจีนบุรี

16 ธ.ค. 68
สุดท้ายของการเดินทาง….(สำหรับปีนี้)
แต่คือจุดเริ่มต้น…. ของข้อเสนอโครงการ

หลังจากคณะทำงานฯ รองอธิการฯ และเจ้าหน้าที่ของสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดปราจีนบุรี
ได้สักการะ “พ่อขุน” เราก็เริ่มงานทันที…

ในห้องประชุม (ปรับปรุงใหม่) ชั้น 2 เต็มไปด้วยพี่น้องปราชญ์ชาวบ้านจากชุมชนต่าง ๆ และทีมผู้บริหารจาก ต.ไม้เค็ด
ทุกคนดูตื่นเต้นกับการมาเยือนของคณะทำงานฯ มาก สารพันปัญหาที่เริ่มต้นจากการบริหารจัดการน้ำ
ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ของชุมชนเกษตรกรรม จนไปถึงปัญหาการตลาดของสินค้าเกษตร
และการต่อสู้ดิ้นรนของผู้คนใน “เมืองรอง” ที่ใกล้กรุงเทพฯ

เนื่องจากมีเวลาเพียงวันเดียว ช่วงบ่ายคณะทำงานเร่งรีบ “ออกสกัดโจทย์จากพื้นที่”
เริ่มจากปัญหาหลักเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ที่ทางชุมชนไม้เค็ดและใกล้เคียง
อยากได้กระบวนการที่ผู้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพยากรท้องถิ่นที่มีค่า
ที่มีอยู่จำกัด แบ่งปันทั่วถึงอย่างเป็นธรรม… (บนบริบทสังคมที่สร้างอุปสรรคนานับประการ)
ก่อนจากกันกับทีมผู้บริหารท้องถิ่น เราก็ได้ยินประโยคที่ชาวชุมชนมักจะพูดเสมอ ๆ ว่า

“ฝากความหวังไว้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย…” 😓

จากนั้นคณะเราก็ลัดเลาะไปตามชุมชนต่าง ๆ ถึง 5 ที่ ที่เหมือนหลบซ่อนอยู่ในเงาครึ้มของต้นไม้ รับรู้ถึง “ความหวัง”
ในการพัฒนาพื้นที่ของตน โดยเฉพาะการพัฒนาทางเศรษฐกิจชุมชน ที่อาจกลายเป็น “ราก”
ของปัญหาทุกอย่างของสังคมที่นี่

ก่อนเดินทางกลับ… คณะทำงานก็ได้ผ่านเข้าใจกลางเมืองเล็ก ๆ ของ จ.ปราจีนบุรี
หามุมเติมพลังและสรุปหัวข้อต่าง ๆ ที่ได้เป็นการบ้านจากพี่น้องในชุมชนต่าง ๆ

ขอบคุณคณะทำงานขับเคลื่อนทุก ๆ ท่าน รวมถึงทุก ๆ ท่านที่สาขาวิทยบริการฯ จ. ชัยภูมิ แพร่ และปราจีนบุรี….
การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้บรรทุกหนักกลับมาคือ “ความหวัง” ของผู้คน รับรู้ถึง “ความคาดหวัง”
ที่ประชาชนมีต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง

คณะทำงานของเราเปรียบเสมือน “กลุ่มมดตัวน้อย” ที่ช่วยกันแบกความคาดหวังนั้น
กลับมาให้คณาจารย์ทุกท่านได้ใช้ความสามารถของท่านช่วยกันนำสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมและชุมชน….

ขอบคุณ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของเราที่เริ่มนำการเดินทางที่ชัยภูมิ
ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่งดงาม… เป็นกำลังใจที่สำคัญของพวกเรา

ขอบคุณ

– ท่านรองอธิการบดีฯ ทั้ง 3 จังหวัด ชัยภูมิ แพร่ และปราจีนบุรี ที่ให้การต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น
และร่วม “ตะลอน” ไปกับเราในทุกพื้นที่

– คณะทำงานทุก ๆ ท่านโดยเฉพาะ รองศาสตราจารย์ ดร. มณี อัชวรานนท์ แม่งานประสานสิบทิศ
ที่มีพลังเต็มเปี่ยม และนำมาใช้ในงานนี้

– พี่น้องเจ้าหน้าที่ทุกท่านทุกสาขาฯ คณะของเรารับทราบถึงความตื่นตัวและตื่นเต้นของทุกท่านที่ใช้ “หัวใจ”
ในการเตรียมงานต้อนรับพวกเรา

– พี่น้องชาวชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ทุกๆ ท่าน ที่เราได้มีโอกาสรู้จัก พูดคุย และส่งผ่านความคาดหวังมา…..

การทำงานบทใหม่กำลังจะเริ่มต้น…

แล้ววันหนึ่ง….. เราจะกลับมาครับ 😊

ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀

#มหาวิทยาลัยรามคําแหง
#สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน
#มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

 

ขอรายงานการเดินทางของคณะทำงานสกัดโจทย์วิจัย…. มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน จังหวัดแพร่

11-13 ธ.ค. 68

บททดสอบครั้งสำคัญของ “ทีมสกัดโจทย์วิจัย”

คณะของเราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 11 ธ.ค. 68 เพราะระยะทางค่อนข้างไกล
และมีกำหนดการในการพบปะกับ “กลุ่ม” 
ที่เป็นคนรุ่นใหม่ของแพร่  “การสกัดโจทย์วิจัย”
เริ่มทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่ย่างเข้ามายังเมืองแพร่

จากนั้นก็เริ่มต้น ”เข้าชุมชน“ ดูผ้าด้นมือ ของกลุ่มชาวบ้าน ที่ใช้เศษผ้าสีอันเล็ก ๆ มาเย็บประกอบกันเป็นผ้านวม
ผ้าคลุมเตียงผืนใหญ่ 
และปลอกหมอน ด้วยความประณีต เป็นลวดลายตามที่ลูกค้าสั่งทำ
จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า ได้รับการส่งเสริมจากมิชชันนารี

ที่มาเผยแพร่ศาสนา ที่อยากส่งเสริมให้แม่บ้านมีอาชีพเสริมหลังจากการทำนา
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาของชุมชนที่รอการวิจัยเจาะลึกด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

จากนั้นก็เดินทางต่อไปดูการทำเมี่ยง จากใบชาอัสสัม โดยการหมัก เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน
มีกระบวนการที่ต้องเก็บใบชาจากภูเขาสูงที่คนรุ่นก่อนปลูกไว้ มาหมักใส่ชะลอมไม้ไผ่ รสชาติหวาน ฝาด
ไว้เป็นของกินเล่นในแถบภาคเหนือ โจทย์วิจัยหลากหลายด้าน รอการค้นคว้าวิจัย
จากนั้นคณะก็เดินทางลัดเลาะไปตามถนนเล็ก ๆ 
ของชุมชนขึ้นสู่อ่างเก็บน้ำแม่สายที่เป็นต้นกำเนิดสายน้ำ
จากภูเขาสูงหล่อเลี้ยงเมืองแพร่ โจทย์วิจัยเกี่ยวกับปัญหาการจัดการน้ำเริ่ม ณ ที่นี่

ในวันรุ่งขึ้น….

เมื่อคณะของเรามาถึง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดแพร่ ในห้องประชุมที่มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างสวยงาม
ทราบว่า พี่ ๆ และน้อง ๆ เจ้าหน้าที่สาขาฯ ทุกท่านตั้งใจมากๆ กับกิจกรรมในครั้งนี้

เราได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำชุมชนกลุ่มต่าง ๆ ในนามของ ”ปราชญ์ชาวบ้าน“ ที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราว การทำงาน
ประวัติชีวิตส่วนตัว และความตั้งใจที่อยากจะทำให้กับจังหวัดแพร่ ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะ “แนวคิดก้าวหน้า”
และเราได้รับรู้ถึงพลังความเข้มแข็งของชุมชนเป็นอย่างมาก…. พลังแรงจนช่วงบ่ายกระแสไฟฟ้าตก 😅
ทำให้เราต้องออกมานั่งสนทนากันต่อด้านหน้าของอาคารสำนักงาน
ช่วงเช้านี้ โจทย์วิจัยหลากหลายปัญหาจากการนำเสนอของปราชญ์ชาวบ้าน
ทำให้คณะทำงานเปี่ยมด้วยพลังที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับคณาจารย์นักวิจัยที่ส่วนกลางดำเนินการวิจัยเพื่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

หลังจากนั้นช่วงบ่าย คณะขับเคลื่อนฯ ก็ได้เดินทางไปดูการทำหมวก “กุ๊บลอน” ที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ
ของเมืองแพร่ ขั้นตอนการย้อม “ม่อฮ่อม” บนเส้นใยฝ้ายซึ่งเป็นที่มาของเสื้อม่อฮ่อม
ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างของชุมชนแพร่ โจทย์วิจัยเกี่ยวกับการดำเนินงาน ยังรอการไขข้อปัญหา

และสุดท้ายของวันด้วยการพบผู้ประกอบการสุราชุมชนของเมืองแพร่ ที่ทำให้รับรู้ว่า
แพร่เป็นแหล่งแปรรูปข้าวให้อยู่ในรูปแบบของสุราพื้นบ้านเยอะมาก ๆ
โจทย์วิจัยในการนำผลไม้พื้นถิ่นของแพร่ มาแปรเปลี่ยนเป็นสุราพื้นบ้าน เป็นหัวข้อที่รอคณะผู้วิจัย

เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ คณะของเราได้พบกับกลุ่มคนแพร่ที่รวมตัวกัน พยายามจัดทำ กาดวินเทจ
บนถนนเรียบกำแพงเมืองเก่า รับทราบเรื่องราวบางส่วนของ “ประวัติศาสตร์เมืองแพร่”
ทึ่รอการถ่ายทอดสู่สังคมในรูปแบบของการวิจัย

คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ได้พบกับ “สิ่งท้าทายใหม่” ในการทำงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก… ในการสกัดโจทย์วิจัย 😀

เราได้พบกับความเป็นตัวตนที่เข้มแข็งของกลุ่มที่มานำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ
ที่ดูเหมือนจะผ่านการทำงานในหลายเรื่องมาจนสำเร็จไปแล้ว…😀
แต่ในขณะเดียวกันคณะทำงานของเราก็รับสัมผัสได้ถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่ยังมีอยู่ภายใต้…
มีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกยกมานำเสนอ….มีอีกหลายอย่างที่คณะของเรา “เห็น” ด้วยมุมมองของ “คนนอก”

ในทุกค่ำคืนหลังจากกลางวันที่เราทำงาน คณะทำงานจะมาสรุปจนเวลาล่วงเลยเที่ยงคืน
เรียกว่าทำงานกันคุ้มค่ากับเวลาที่พวกเรามีอยู่ในแพร่ในครั้งนี้ 😀
ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่า จ. แพร่ สร้าง “ความท้าทายใหม่” ให้คณะของเราจริง ๆ

สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนคนละปัญหาเดียวกันในทุกพื้นที่ ๆ เรา ได้มีโอกาสรับรู้ คือ การกลับสู่ถิ่นฐานมาใช้ชีวิต
และพัฒนาบ้านเกิดของคนรุ่นใหม่ นั้นมีจำนวนน้อยลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งอาจมีผลร่วมมาจากหลาย ๆ ปัจจัย
เช่น ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การกระจายและการบริหารงานภาครัฐฯ ชุดความคิดและความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคมชุมชน
และอื่น ๆ อีกร้อยแปดพันประการ ฯลฯ

จะอย่างไรก็ตาม การมาเยือนแพร่ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหง “ของเรา”
นั้นเป็นความหวังหนึ่งของสังคมมาก (ถ้าไม่เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองเกิน 😀) ที่จะใช้เครื่องมือสำคัญนั่นคือ “การวิจัย”
ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสังคมท้องถิ่น จากจุดเล็ก ๆ ให้กลายเป็นภาพใหญ่ที่สวยงาม
รับทราบถึงความต้องการของชุมชนที่อยากมี “รามคำแหงของเรา” ในการคลี่คลายปัญหา
ร่วมพัฒนาชุมชนท้องถิ่น บนหลักการและความตั้งใจในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”

ขอขอบพระคุณ

– ท่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของพวกเราที่เป็นพลังใจ เป็นพลังศรัทธา
และเป็นพลังยึดเหนี่ยว ให้พวกเรายึดโยงซึ่งกันและกันในการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ขอขอบคุณ

– รองฯจักรีสำหรับการประสานงานกับทีมสกัดโจทย์วิจัยของเรา

– รองศาสตราจารย์ ดร. มณี แม่งาน หัวหน้าทีมสกัดโจทย์วิจัยและทีมสกัดโจทย์วิจัยทุกท่าน ที่ร่วมเดินทางตะลอน ๆ
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และร่วมปรึกษากันแบบข้ามวันข้ามคืน

– พี่เดฟ หัวหน้าสาขาฯ จ.แพร่ ผู้มีความรักต่อถิ่นฐานบ้านเกิดและรวมถึงเจ้าหน้าที่ของสาขาทุก ๆ ท่าน

– กลุ่มปราชญ์ชาวบ้านที่มีความเข้มแข็ง

– พี่เคน น้องเอ้ ในการอำนวยการทุกเรื่องของการเดินทาง รวมถึงน้องแต้วและน้องมอส (ผู้อยู่แนวหลัง)
และ นุ พนักงานขับรถของสภาคณาจารย์

– มหาวิทยาลัยรามคำแหง บ้านหลังใหญ่ภายใต้ชายคาที่อบอุ่นในการทำงานของพวกเราตลอดเวลา

โปรดติดตามตอนต่อไป…

พบกันที่ จ.ปราจีนบุรี ครับ.

ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀

#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

 

ขอรายงานการเดินทางในนามของคณะทำงานขับเคลื่อน… “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”

ขอรายงานการเดินทางในนามของคณะทำงานขับเคลื่อน… “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”

30 พ.ย. 68
คณะกรรมการขับเคลื่อน ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยรถของสภาคณาจารย์ และรถยนต์ส่วนตัว
จุดหมายปลายทางที่แรก คือ น้ำตกสะพานหิน มีลักษณะเป็นแนวป่าซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนของชาติพันธุ์
ญัฮกุร ของ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ได้ทราบจากท่านนายอำเภอเทพสถิตที่มารอต้อนรับคณะของเราว่ายังมีชาวญัฮกุร
กลุ่มสุดท้ายเท่าที่สำรวจได้เหลืออยู่ประมาณ 6,000 คน มีวัฒนธรรมการดำรงชีวิตที่มี
“อัตลักษณ์” โดยเฉพาะภาษาตระกูล มอญ-เขมร ที่สันนิษฐานว่าอาจมีการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี
มีเรื่องราวมากมายที่ “คนใน” อยากสื่อสารกับสังคมไทย ซึ่งทีมวิจัยของเราเก็บรายละเอียดไว้

จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ เบื้องต้นทำให้ทราบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ผู้คนยังมีชีวิตผูกพันกับวิถีการเกษตรอย่างเหนียวแน่น
พื้นที่ราบด้านล่างปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ด้านบนเป็นสวนผลไม้ มีการลงทุนด้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร
มีไม้ผลที่ต้องการอากาศเย็น ได้มีโอกาสสนทนากับผู้ประกอบการ (ศิษย์เก่ารามคำแหง) ในพื้นที่
ที่มีแนวคิดในลักษณะก้าวหน้า แต่เห็นคุณค่าของชุมชน ซึ่งท่านอธิการบดีของเราและทีมวิจัย
ก็ได้มีโอกาสเสนอแนะและแลกเปลี่ยนแนวคิด แนวทาง เพื่อร่วมวิจัยในชุมชน

หมดวันแรกบนพื้นที่สูงของ อ. เทพสถิต

1 ธ.ค. 68
เริ่มวันใหม่ด้วยการรับ “พลัง” จากพ่อขุน

ท่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของเรา หลังจากเปิดงานอย่างเป็นทางการ
ท่านก็ร่วมเวทีเสวนากับข้าราชการในท้องที่ 
นำทีมโดยท่านนายอำเภอบำเหน็จณรงค์
และชาวชุมชนที่เป็นผู้ประกอบการและเกษตรกร ได้รับทราบปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ

ที่ทางทีมวิจัยของเรา นำมารวบรวมและ “สกัด” ออกมาเป็นโจทย์ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการวางแผนทำงานร่วมกัน
มี “การวิจัย” 
เป็นเครื่องมือสำคัญ และในระหว่างการเสวนา ยังได้ไอเดียใหม่ ๆ
ที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า 
ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของชุมชน
ก่อนการเริ่มต้นดำเนินการวิจัย

ช่วงบ่าย ทีมของเรา เคลื่อนที่จาก ห้องประชุมของสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จ.ชัยภูมิ ไปพบปะกับ อบต. ต.หัวทะเล
ของ อ.บำเหน็จณรงค์ ได้รับทราบศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำของชุมชน

ถัดจากนั้นก็เคลื่อนขบวนมาที่ศูนย์แปรรูปข้าวและผลไม้พื้นเมือง ต.บ้านเพชร พบกับ “คุณตั้ม” ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของรามคำแหง
มีแนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตหลักทางการเกษตร นั่นคือข้าว ให้เพิ่มมูลค่าโดยแปรรูปเป็น “สุราชุมชน”
ที่มีมูลค่าสูง ได้รับรู้ถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากของ “ระบบ” ที่เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการประกอบการ
อาจเปรียบเป็น “คอขวด” ในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นในลักษณะก้าวหน้าของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักถิ่นฐานบ้านเกิด…
ทีมวิจัยของเราก็ทำการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อหาช่องทางพัฒนาร่วมกัน

2 ธ.ค. 68
วันแห่งการหาแนวทางฟื้นฟูดอกกระเจียว (ปทุมมา) 😄

ช่วงเช้า
ได้มีโอกาสเสวนากับข้าราชการและชาวบ้านของ เทศบาลตำบลบำเหน็จณรงค์ในห้องประชุมของเทศบาล
บรรยากาศของการเสวนาอบอวลไปด้วยความคาดหวังของพื้นที่ ที่มีต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหงของเรา
เครื่องมือสำคัญคือ “การวิจัย” น่าจะเป็นแนวทางแก้ปัญหา “ผู้สูงวัย” ของชุมชนได้อย่างเป็นระบบ
เป็นความต้องการหลักของทั้งหน่วยงานภาครัฐฯ และชาวชุมชน ที่นำเสนอกับทีมของเรา…

เส้นทางของดอกกระเจียว… 🌸

ทีมของเราได้รับรู้ ทั้ง “ความสำคัญและที่มาของปัญหา” ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง จ. ชัยภูมิ พรรณไม้ต้นน้อย ๆ
ที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติของชุมชน บนอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ในพื้นที่ อ.เทพสถิต กลายเป็นจุดหมายสำคัญ
ในช่วงเวลาสำคัญ (มิย – สค.) ปลายฝนต้นหนาว ที่ชักนำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่จังหวัด
นำพาเม็ดเงินเข้ามาสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่น

(แอบกระซิบดัง ๆ ว่าในเวลาเดียวกันเราแบ่งอีกทีมจากนิติศาสตร์ ไปศึกษาข้อมูลเบื้องต้นกับชาวบ้าน
ถึงความเดือดร้อนเกี่ยวกับกฎหมายที่ดินที่ถึงขั้นย้ายโบสถ์ย้ายบ้าน ย้ายรั้วรามฯ กันเลยทีเดียว 🙂)

เราได้พบหัวหน้า
อุทยานฯ พาทีมวิจัยสำรวจดูพื้นที่ทุ่งดอกกระเจียว รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาการลดน้อยลง
และกำลังจะหายไปทีละน้อยของต้นกระเจียวในทุ่ง ทีมวิจัยของเราเก็บข้อมูลอย่างระมัดระวังและอย่างละเอียด
รวมถึงได้พูดคุยกับปราชญ์ชาวบ้านคนสำคัญที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐฯ ในการแก้ปัญหานี้

ผมคงไม่อาจเขียนคำขอบคุณทุกท่านได้ทั้งหมดอย่างละเอียด
ที่เริ่มตั้งแต่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของเรา
รองศาสตราจารย์ ดร.มณี อัชวรานนท์ (แม่งานที่ประสานสิบทิศ)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ก่อพงศ์ รองฯ สาขาชัยภูมิ
คุณต้อง หัวหน้าสาขาวิทยฯ จ.ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวก ประสานงานคนในพื้นที่
รวมถึงการมีจิตบริการอย่างสูงสุดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะทีมสกัดโจทย์วิจัยของเรา ที่ “เอาจริง”
ดึกดื่นเพียงใดหลังจบงานแต่ละวันยังมานั่งสรุปงานโดยมี ท่านอธิการบดี ร่วมปรึกษาและให้กำลังใจในค่ำคืนหนาวเย็น….
รวมทั้งพี่เคนและน้องเอ้ ที่คอยอำนวยความสะดวกต่างๆในการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้

การเดินทางของขบวนเราเพิ่งเริ่มต้น….
ปีนี้เราเริ่มต้นเดินทางจากพื้นที่แห่งชัยชนะ….
จ. ชัยภูมิ 😃

ลุกออกมาจาก ”พื้นที่ปลอดภัย“ แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀
#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

จากวันที่ 4 มี.ค. 68…. วันเริ่มต้นที่โคราช ถึงวันนี้ 14 พ.ย. 68

จากวันที่ 4 มี.ค. 68…. วันเริ่มต้นที่โคราช

ถึงวันนี้ 14 พ.ย. 68

สถาบันวิจัยและพัฒนา ร่วมกับสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน ขับเคลื่อน “แนวทาง”
มุ่งสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”
ร่วมกับสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดนครราชสีมา ในวันนี้คณะผู้วิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุน
เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ… ด้วยการชี้แจงวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการ
รวมถึง ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน
ซึ่งเป็น “คนใน” พื้นที่ โดยมีผู้นำองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมรับทราบ
และหากโครงการเสร็จสิ้นจนได้ผลเรียบร้อย คาดว่าสามารถนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการ

“ร่าง” นโยบายสาธารณะในท้องถิ่นนั้นเองได้ โดยมีผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นข้อมูลที่สำคัญ

ขอบคุณ “แม่งาน” ที่ผลักดัน ประสาน ทุกอย่างให้สามารถเริ่ม “ขับเคลื่อน” ได้ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.มณี อัชวรานนท์
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน

ขอขอบคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.พัชรดา เอื้อวรรณกิจ รองอธิการบดีฝ่ายวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดนครราชสีมา
และเจ้าหน้าที่ประจำสาขาฯ นครราชสีมา ทุกท่าน

ขอบคุณความมุ่งมั่นของ อาจารย์ ดร.เกสรี อาจารย์ ดร.วศิน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณีรนุช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลินดา
กับการเป็น “ทีม” วิจัยทีมแรก ที่ “ตะลอน” ไปทุกที่ตั้งแต่การเปิดตัวที่นครราชสีมาและนครศรีธรรมราช

ขอบคุณผู้เสนอโครงการวิจัย อาจารย์ ดร.วศิน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณีรนุช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลินดา อาจารย์บาส
อาจารย์ทิฆัมพร และ อาจารย์จุฑารัตน์

เราไม่ได้ “ลงพื้นที่” ตามแบบที่มักจะใช้เป็นประจำ แต่เรา “เข้าไปทำงาน” ร่วมกันกับคนที่เป็นเจ้าของพื้นที่
จากความต้องการจุดเล็ก ๆ ซึ่งอาจเชื่อมโยงเป็นภาพใหญ่ของสังคมและชุมชน ในนามของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

“มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน” 😊

ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀
#มหาวิทยาลัยรามคําแหง
#สถาบันวิจัยและพัฒนา
#สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน
#มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

7 ตุลาคม 2568

7 ตุลาคม 2568

ห้องศักดิ์ ผาสุขนิรันต์

หอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ขอบคุณอาจารย์ทุก ๆ ท่านที่มาร่วมกันระดมความคิด ไอเดีย และร่วมรับทราบ “แนวคิด” ที่สถาบันวิจัยและพัฒนา (สวพ.)
ร่วมกับสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน (สวสร.) จะเดินไปบน “แนวทาง”
ที่จะผลักดันให้มหาวิทยาลัยของเราเป็นที่รับรู้ของสังคมไทยว่าเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”

ผมได้เห็นอาจารย์รุ่นใหม่ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันกับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ในการวิจัย ในบรรยากาศมิตรภาพ
ไม่เป็นทางการ สนุกสนานและมี “สาระ” มาก ๆ

ความร่วมมือที่มาจากต่างคณะ จะทำให้เกิดความเป็น

“สหวิทยาการงานวิจัย” โดยมีสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติของเราเป็นฐานที่สำคัญ ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ

จะเกิดแก่ตัวผู้วิจัยเอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง และชาวบ้านที่ส่งลูกหลานมาเรียนในมหาวิทยาลัยของเรา

และอาจารย์จะได้ “เพื่อน” มากขึ้นอีกด้วย 😄

ขอบพระคุณ

ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของพวกเรา (หัวหน้าคณะเดินทาง 😄) ที่จุดประกายการวิจัยที่ให้ประโยชน์ต่อชุมชน
มาตั้งแต่การสร้าง #ตลาดชุมชนฟาร์มกวาง จนกลายมาเป็นแนวทางในการ “เดินทาง” ในครั้งนี้

ผู้ที่อยู่ทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้าสำคัญ (แม่งาน) 😄

รศ.ดร.มณี อัชวรานนท์

ผอ.สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน

รศ.ดร.จักรี ไชยพินิจ รธก. จ.แพร่ ที่สนับสนุนข้อมูลจำนวนมากอันมีค่า (ท่านมาไม่ได้เพราะต้องเข้า รพ. ขอให้หายไวๆนะครับ ☺️)

ผศ.ดร.เดมีย์ ระเบียบโลก รธก. จ.นครศรีธรรมราช ให้เกียรติเป็นพิธีกรเป็นวิทยากร และเป็นทุกๆอย่างให้เรา 😄

รศ.ดร.กฤษดา ตั้งชัยศักดิ์  คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย

อ.ดร.สุรพัฒน์ มังคะลี  ผอ.สำนักพิมพ์

อ.ดร.อรอนงค์ อิงชำนิ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์

ผศ.ดร.จุฑารัตน์ วรประทีป รธก. จ.สุรินทร์

รศ.พัชรดา เอื้อวรรณกิจ รธก. จ.นครราชสีมา

ผศ.ดร.บงกช ทองเอี่ยม รธก. จ.ปราจีนบุรี

อ.ดร.ก่อพงศ์ นามวัฒน์ รธก. จ.ชัยภูมิ

อ.ดร.วีรพันธ์ แซ่ด่าน รธก. จ.นครพนม

อ.ดร.พงศกร พรมสวัสดิ์ รธก.จ.ขอนแก่น

อ.ทิวากร อังศุธรางกูร รธก. ฝ่ายกิจการพิเศษ

อ.ดร.เกสรี พงษ์สังข์ ประธานสภาคณาจารย์ และผู้มีประสบการณ์วิจัยชุมชนมาอย่างยาวนาน

(มีขนมจากชุมชนมาฝากเยอะมาก 😄)

ผศ.ดร.ณีรนุช ควรเชิดชู คณะวิทยาศาสตร์

อ.ดร.วศิน ยิ้มแย้ม คณะนิติศาสตร์

อ.ภคิน อัครธีรนุภาพ คณะนิติศาสตร์

รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล คณะมนุษยศาสตร์

เจ้าหน้าที่ของ สวพ. และ สวสร. ทุกท่าน

ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀
#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

เชิญชวนคณาจารย์ทุกท่านรับฟังโจทย์วิจัย เพื่อใช้ในการเขียนแบบเสนอโครงการวิจัยในการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2569

 

เชิญชวนคณาจารย์ทุกท่านรับฟังโจทย์วิจัย เพื่อใช้ในการเขียนแบบเสนอโครงการวิจัยในการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2569

ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมโครงการเชิงปฏิบัติการ เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเพื่อการพัฒนาพันธ์ุและโภชนาศาสตร์สัตว์ในยุคโอมิกส์

ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมโครงการเชิงปฏิบัติการ เรื่องเทคโนโลยีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเพื่อการพัฒนาพันธุ์และโภชนาศาสตร์สัตว์ในยุคโอมิกส์

ไปต่อไม่รอแล้วนะครับ… 😀

21 สิงหาคม 2568

ไปต่อไม่รอแล้วนะครับ… 😀

สถาบันวิจัยและพัฒนา (สวพ.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน (สวสร.)
จัดให้มีการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนแผนงานเสริมสร้างความเข้มแข็ง
และธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการแผนงานและโครงการวิจัยและนวัตกรรม

ท่านอธิการบดีของเรา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์

ในฐานะที่ปรึกษา ท่านให้ความสำคัญ และใส่ใจในทุกรายละเอียด มาร่วมให้นโยบายในการมุ่งหน้าสู่การเป็น
“มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน”

โดยมี

รองศาสตราจารย์ ดร. มณี อัชวรานนท์ (ผอ.สวสร. เป็น ผอ.แผนงานฯ) เป็นประธานคณะทำงาน

จากที่เราได้เริ่มเดินทาง โดยมีหมุดหมายแรกที่นครศรีธรรมราช และนครราชสีมา เป็นจุดเริ่มต้น “2 นครา…”
ข้อเสนอโครงการวิจัยต่าง ๆ ที่มาจากการ “สกัดโจทย์” ที่มาจากความต้องการของชุมชน
ได้รับอนุมัติและเซ็นสัญญา ภายใต้เป้าประสงค์ที่ 4
เป็นขบวนแรกเปรียบเสมือนกองหน้า ซึ่งต้องรอดูความก้าวหน้า ในการดำเนินงานต่อไปอย่างใกล้ชิด…

และจากความจำนงของอีกหลายสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ ในขบวนถัดมานี้ ต่อเนื่องอีก 4 สาขาฯ คือ
แพร่ ชัยภูมิ ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช (ที่ยังมีเรื่องราวความต้องการจากชุมชนที่หลากหลาย)
คณะทำงาน ได้มีโอกาสได้รับฟังข้อเสนอและแนวทางในการไปสกัดโจทย์วิจัย
เพื่อสร้างข้อเสนอโครงการวิจัยที่มีหลักในการคิดว่า
“เป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น…” จากท่านรองอธิการบดีทั้ง 4 สาขา

ระยะทางที่ต้องเดินทางยังอีกยาวไกล… แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน

ลุกออกมาจาก “พื้นที่ปลอดภัย” แล้วมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกันครับ….😀

#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

พูดได้ว่า…. นี่เป็นครั้งแรกของการวิจัย

พูดได้ว่า…. นี่เป็นครั้งแรกของการวิจัย

ที่ผู้บริหารสูงสุด ให้ความสำคัญลงลึกถึงเนื้อหาสาระของข้อเสนอโครงการวิจัย… มีโอกาสนั่งเสวนากับคณาจารย์
ที่สร้างข้อเสนอการวิจัยเพื่อให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงของเรามุ่งหน้าสู่การเป็น #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

ซึ่งการวิจัย คือ เครื่องมือหนึ่งที่สำคัญ ภายใต้แผนงานเสริมสร้างความเข้มแข็งการบริหารจัดการแผนงานและโครงการด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

จัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนา ร่วมกับสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน

ในการเสวนาครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้นำเสนอบทสรุป ที่แต่ละโครงการจะต้องดำเนินการ โดยยึดหลักของ “การเรียนรู้ร่วมกัน”
ระหว่างอาจารย์ผู้วิจัยและคนในชุมชนที่เปรียบเสมือนเป็น ”นักวิจัยชุมชน“ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่

ท่านอธิการบดี ได้ให้ข้อคิดเห็น คำแนะนำ และข้อควรระวังให้แต่ละโครงการ ได้นำไปปรับวิธีการในการดำเนินการในเชิงปฏิบัติ
ให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชน

ขอบพระคุณ..
ท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์
ที่ให้เกียรติมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ

รองศาสตราจารย์นพคุณ คุณาชีวะ รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน
รองศาสตราจารย์ ดร. ณรัฐ วัฒนพานิช คณบดีคณะศึกษาศาสตร์
รองศาสตราจารย์ ดร.จักรี ไชยพินิจ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา
ที่มาให้กำลังใจ ณ อาคารหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เดมีย์ ระเบียบโลก
รองอธิการบดีสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดนครศรีธรรมราช
รองศาสตราจารย์ ดร. พัชรดา เอื้อวรรณกิจ
รองอธิการบดีสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัด นครราชสีมา
“เจ้าภาพ” ใน 2 นครา… ที่เป็นพื้นที่ทำวิจัย

รองศาสตราจารย์ ดร. มณี อัชวรานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน
ที่เป็น “แม่งาน” ในการจัดให้มีงานเสวนาครั้งนี้

หัวหน้าสำนักงานเลขาฯ เจ้าหน้าที่ สวพ. และ สวสร. ทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดเตรียมงานทุกอย่าง

คำพูดของท่านอธิการบดียังดังอยู่ในห้วงความคิด…ถึงความสำคัญของชุมชุนในการเป็น “เสาต้นที่ 3”
The Third Pillar: How Markets and the State Leave the Community Behind (Raghuram Rajan) ในการพัฒนาเศรษฐกิจ
เพราะงานวิจัยชุมชน ท้ายสุดนอกเหนือจากตัวผู้วิจัยแล้ว คนที่ได้ประโยชน์ คือสังคมและชุมชนในนามของ

มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของเรา

มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยและพัฒนา #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

https://www.facebook.com/share/r/19cD1gHEHh/?mibextid=wwXIfr

ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในบางครั้ง จะถูกบันทึกผ่านธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิต…. วิถีชีวิตของคนในดินแดน “สยาม” ที่ผสมผสานทั้ง ภาษา ความเชื่อ ที่มีมาแต่โบราณ

เราทำงานวิจัยด้วย “เจตจำนง” ว่า คุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ จะกลายเป็นต้นทุนทางสังคม ที่จะช่วย #สร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับคนในชุมชนที่สร้างงานหัตถศิลป์

เขากวางแข็งเพียงข้างเดียว ที่ผ่านการแกะสลักอย่างบรรจง อาจบอกเล่าเรื่องราว ภาคอีสาน เช่น ปราสาทเขาพนมรุ้ง งานบุญบั้งไฟ
พญานาค ผีตาโขน ฯลฯ

เขากวางอีกข้างนึง บอกเล่าเรื่องราวภาคใต้ ดินแดนแห่งคาบสมุทร หนังตะลุง มโนราห์ ประเพณีชักพระ เรือกอแระ
และพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช

ฟาร์มกวางมหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน มหาวิทยาลัยรามคำแหง นำงานหัตถศิลป์ 64 แบบ กว่า 98 ชิ้นงาน
มาจัดแสดงใน #มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 Thailand Research EXPO 2025 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์
ชั้น 22 เซ็นทรัลเวิลด์ 16-20 มิถุนายน 2568

แวะมาเยี่ยมให้กำลังใจน้อง ๆ จากสถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน และชมผลงานหัตถศิลป์ได้ที่ โซน งานวิจัยและนวัตกรรม
เพื่อส่งเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) FL16 มหาวิทยาลัยรามคำแหง

“การเพิ่มมูลค่าเขากวางแข็งด้วยแนวทางสร้างงานหัตถศิลป์”

#มหาวิทยาลัยรามคําแหง #สถาบันวิจัยสัตว์ในภูมิภาคเขตร้อน #สถาบันวิจัยและพัฒนา #มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน

 

รายละเอียดงานแกะสลักวัฒนธรรมภาคอีสานบนเขากวาง 1 ข้าง

รายละเอียดงานแกะสลักวัฒนธรรมภาคใต้บนเขากวาง 1 ข้าง